ครีมเทียมหวานมันอันตราย
เมื่อดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มประเภทที่ต้องเติมนม เช่น ชานม ชานมไข่มุก ที่เด็ก ๆ และหนุ่มสาวชอบกัน ก็ให้เลือกซื้อจากร้านที่ใช้นมจริง ๆ เป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่ม แทนการใช้ครีมเทียมที่จะเสี่ยงทำให้เกิดโรคร้ายในระยะยาว

ครีมเทียม เป็นผลิตภัณฑ์เลียนแบบครีมจากน้ำนมธรรมชาติ ที่ได้รับความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีราคาถูก สะดวกในการใช้ และเก็บได้นาน ทั้งยังนำมาเป็นส่วนผสมในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูปวางขายกันอย่างมากมาย เครื่องดื่มเหล่านี้ได้กลายเป็นสิ่งที่ต้องบริโภคกันเป็นประจำทุกวัน จึงทำให้สารต่าง ๆ จากครีมเทียมเพิ่มพูนเข้าร่างกายอย่างต่อเนื่อง

ครีมเทียม มีส่วนประกอบหลัก ได้แก่ ไขมัน โปรตีน และน้ำตาล ซึ่งมักจะเป็นน้ำเชือมข้าวโพดที่มีน้ำตาลฟรุกโตสสูง ทำเลียนแบบครีมแท้โดยการนำส่วนประกอบเหล่านี้มาผสมรวมกับน้ำ โดยต้องใช้สารประกอบในการทำส่วนผสมหลักดังกล่าว เริ่มที่สารจำพวกอิมัลซิไฟเออร์(อิมัลชัน หมายถึงของเหลวตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป) นำมาลดความตึงผิวของของเหลว ทำให้มีความคงตัวผสมผสานกันได้ ที่นิยมใช้ คือ โมโนกลีเซอไรด์ร่วมกับพอลิซอร์เบต 60 เพื่อช่วยให้ไขมันและส่วนประกอบอื่น ๆ รวมตัวกันได้ดี และยังมีการใช้สารแต่งกลิ่นรสนม แล้วจึงนำไปทำให้แห้งป่นเป็นผงละเอียด โดยใช้สารป้องกันการเกาะตัวเป็นก้อนของโปรตีนนม นั้นคือโซเดียมเคซิเนตหรือเคซีน ซึ่งเป็นสารที่อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ด้วยภาวะภูมิต้านทานต่ำ

ไขมันจากปาลม์เป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุด เพื่อให้ความมัน ส่วนโปรตีนจะช่วยเสริมไขมันให้ครีมเทียมมีสีขาว เมื่อนำครีมเทียมมากระจายตัวในน้ำ จะให้ความข้นได้เนื้อสัมผัสที่ดีนั้นเอง เรียกว่าครีมเทียมถึงพร้อมสรรพด้วยความหวานมัน มีกลิ่นหอม และรูปลักษณ์ที่ขาวสะอาดน่ารับประทาน
การผ่านการผลิตหลายขั้นตอน ไขมันในครีมเทียมจึงจัดเป็นไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นไขมันตัวร้ายที่อาจก่อให้เกิดสภาวะผิดปกติกับร่างกาย คือ ทำให้ร่างกายมีน้ำหนักและไขมันส่วนเกินเพิ่มมากขึ้น มีภาวะการทำงานของตับที่ผิดปกติ มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคหัวใจ หลอดเลือดหัวใจตีบ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เป็นต้น

มีคนไทยจำนวนมากที่ป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดถึง 432,943 คน จากสถิติล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุข ที่เปิดเผย ณ วันที่ 16 กันยายน 2561 มีอัตราการตายถึง 20,855 คน ต่อปี หรือ ชั่วโมงละ 2 คน อ้างอิงจากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข พบว่ามีอัตราการตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจ 1 คน ต่อประชากร 100,000 คน ในปี พ.ศ. 2555 – 2559 ซึ่งมีจำนวนมากกว่าคนตายเพราะโรคระบาดโควิดที่ว่าร้ายแรงอีกด้วย
น้ำตาลในครีมเทียมนั้นใช้น้ำตาลเชิงเดี่ยว ส่วนใหญ่จะใช้น้ำเชื่อมข้าวโพดที่มีน้ำตาลฟรุกโตสสูง เพราะราคาถูก นำมาใช้กันมากในอตุสาหกรรมอาหาร น้ำตาลจะเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดมีสภาวะเป็นกรดมากเกินไป ร่างกายมีภาวะไม่สมดุล มีการดึงแร่ธาตุจากส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกายมาแก้ไขความไม่สมดุล ทั้งยังทำ ให้เกิดไขมันสะสม น้ำตาลจะถูกเก็บไว้ที่ตับในรูปของไกลโคเจน หากมีปริมาณสมดุลก็เป็นประโยชน์ในการสลายออกมาเป็นพลังงาน

หากมีไกลโคเจนมากเกินไปก็จะทำลายสุขภาพตับ เช่นเดียวกับการดื่มสุรา และตับจะส่งต่อไกลโคเจนส่วนเกินเข้ากระแสเลือด ทั้งเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน แล้วสะสมไว้ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่มีการเคลื่อนไหวน้อย เช่น สะโพก ก้น ขาอ่อน หน้าท้อง เป็นต้น และหากกินเกินอย่างต่อเนื่อง จะเกิดการสะสมกรดไขมันในอวัยวะภายในอื่น ๆ เช่น หัวใจ ตับ หลอดเลือด และไต ซึ่งจะทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติได้ เช่น มีความดันโลหิตสูง อาจเกิดสิว ผื่น แผลพุพอง ตกกระ ริดสีดวง ไมเกรน เบาหวาน โรคหัวใจ มะเร็งตับ เป็นต้น ทั้งยังเสี่ยงต่อโรคติดเชื้ออีกด้วย

ครีมเทียมนอกจากไม่ส่งผลดีต่อสขุภาพแล้ว ยังทำให้ร่างกายเราลดการดูดซึมสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้จากในกาแฟน้อยลงราว 30% และดูดซึมได้ช้าลงด้วย เป็นการลดคุณประโยชน์จากการดื่มกาแฟ คอกาแฟจึงควรเปลี่ยนมาดื่มกาแฟดำ ถ้าใส่นมก็ควรเป็นนมวัวไขมันต่ำ หรือนมถั่วเหลืองรสจืด จะทำให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
มาปรับพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มกันเถอะ ก่อนที่โรคร้ายทั้งหลายจะมารุมเร้า จนต้องแก่เกินวัยและตายเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ลด ละ เลิก ในสิ่งที่เราทราบว่าเป็นโทษ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีมีความสุขใจต่อไปนาน ๆ