ตาลโตนด Super food

เมื่อถึงฤดูกาลเฉลิมฉลอง การสังสรรค์รับประทานอาหารร่วมกันดูเหมือจะเป็นเรื่องหลักที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อลงลึกสังเกตสังกากันให้ดี อาหารทั้งคาวและหวานนั้นมีรสชาติหวานเสมอ โดยการปรุงด้วยน้ำตาลทรายที่สกัดมาจากพืชที่ให้ความหวาน ในเมืองไทยทำมาจากอ้อย ที่เหลือเพียงสารให้พลังงานใน 100 กรัม มีถึง 385 กิโลแคลอรี และคาร์โบไฮเดรต 99.5 กรัม ในขณะที่จากอดีตเรามีอาหารที่ให้ความหวานและให้ประโยชน์ทางคุณค่าอาหารที่เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดอาหารเลยทีเดียวจากตาลโตนด ลองหันมาสนใจสิ่งที่มีคุณค่าดั้งเดิมที่จะทำให้สามารถลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน และในอนาคตหากมีผู้สนใจหันมาบริโภคน้ำตาลโตนดกันมากขึ้น ปริมาณคนไข้เบาหวานจะลดลงอย่างมาก นั้นหมายถึงลดความสูญเสียงบประมาณจำนวนมหาศาลของชาติ และเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับทรัพยากรมนุษย์อีกด้วย

Photo by Long Bún on Unsplash

สุดยอดอาหาร น้ำตาลโตนด

น้ำตาลโตนดมีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุดในสารให้ความหวานธรรมชาติ ได้เริ่มเป็นที่นิยมบริโภคในประเทศสหราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก โดยกลุ่มคนทำอาหารที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ และเริ่มแพร่หลายเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา ตาลโตนดเป็นเพียงพืชชนิดเดียวที่ค้นพบว่า เป็นแหล่งอาหารชีวภาพเป็นที่มีวิตามินบี 12  ทั้งมีค่าGI (ค่าดัชนีน้ำตาล Glycemic Index) ต่ำและอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามิน B รวม  เหล็ก โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแร่ธาตุที่จำเป็นอื่นๆ ที่สำคัญสำหรับการรักษาสุขภาพที่ดี รับประทานเพียงหนึ่งช้อนโต๊ะ ทำให้ได้รับ  133% ของ RDA (Recommended Dietary Allowances) วิตามินบี 12  มี 222% ของ RDA วิตามินบี 6 (ที่รู้จักกันในฐานะที่เป็นพลังและวิตามินที่เสริมทางเพศ) และ 664% ของวิตามิน B1 และมีสภาพเป็นด่าง

น้ำตาลโตนดจึงมีประโยชน์อย่างยิ่งที่จะนำมาทดแทนการใช้น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ในชีวิตประจำวัน ทำให้สามารถลด ละ เลิก  และพ้นจากความปรารถนาความหวานที่พันธนาการคุณมาอย่างต่อเนื่อง และช่วยให้คุณรักษาน้ำหนักเพื่อสุขภาพสำหรับการดำรงชีวิตที่เต็มไปด้วยพลัง

น้ำตาลโตนดมาจากตาลโตนด ซึ่งต้องใช้เวลา 15 ปี สำหรับการเจริญเติบโตก่อนที่จะเริ่มต้นให้ดอก และมีช่วงชีวิตอยู่ได้ถึง100 ปี  นอกจากนี้ยังมีการรักษาตัวเองจากเชื้อโรคและศัตรูพืช ทำให้ไม่มีความจำเป็นในการใช้สารกำจัดศัตรูพืชหรือสารเคมีกำจัดวัชพืช จึงทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีมลพิษจากสารเคมีอุตสาหกรรม ทุกอย่างที่ผลิตโดยตาลต้นปาล์มจะใช้ได้ทั้งหมด – ใบตาลนำมาใช้มุงหลังคาบ้าน เส้นใยของต้นไม้มีความแข็งแรงมากค่าเฉลี่ยอยู่ได้ถึง 50 ปี นำมาใช้ในการถักทอเป็นตะกร้าแบบดั้งเดิมและอาจทำเป็นอวนจับปลา และต้นไม้ที่หมดอายุขัยแล้วจะใช้ในการก่อสร้างอาคาร หรือเฟอร์นิเจอร์

น้ำตาลโตนดผลิตจากต้นปาล์ม ซึ่งมีไม่กี่ชนิดที่ผลิตน้ำหวานที่ใช้ทำน้ำตาลได้ – ส่วนต้นมะพร้าวนั้นอาจเสียเปรียบด้วยโรคเพลียระบาด  ตาลมีปริมาณวิตามินและแร่ธาตุและมีเพียง 3.1 กรัมน้ำตาลฟรุกโตสต่อ 100 กรัม ในขณะที่น้ำตาลมะพร้าวมี 40 กรัมของฟรุกโตสต่อ 100 กรัม จึงอธิบายว่าทำไมตาลน้ำตาลโตนดนั้นดีสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน . ทุกวันระหว่างเดือนมีนาคมและเดือนธันวาคมทีมงานที่ชำนาญในการเก็บน้ำหวานจากจั่นตาลที่อยู่สูงจากพื้นดินบางครั้งถึง 90ฟุต  และบางคนมีอายุมากกว่า 90 ปี ปีนขึ้นต้นไม้ตาลปาล์มวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและเย็น เพื่อที่จะกรีดจั่นและใส่กระบอกรองรับน้ำหวาน การจัดเก็บน้ำหวานและการทำน้ำตาลโตนดเป็นกระบวนการที่ยากลำบากที่จะต้องใช้ความสามารถและความชำนาญของมนุษย์ มีการทำด้วยมือและไม่สามารถใช้เครื่องในการทำงานทุกขั้นตอน

น้ำตาลโตนดดีต่อสุขภาพอย่างไร

น้ำตาลโตนดมีสารที่เป็นส่วนสำคัญของยา Ayurvedic (อายุรเวท) หลายชนิด น้ำตาลโตนดดีสำหรับปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับการหายใจเช่นโรคหอบหืด, หนาว, ไอ, โรคโลหิตจาง, โรคเรื้อน, ไทฟอยด์ และความดันโลหิตสูง

สนับสนุนการเจริญเติบโตของเด็กเล็ก ด้วยการลดความร้อนของตับอ่อน ช่วยเสริมสร้างหัวใจ กระดูก และฟัน ช้วยป้องกันโรคเบาหวาน โรคไขข้อ ปวดข้อ(เส้นประสาท) และโรคระบบทางเดินหายใจ

Palmyra Palm Sugar เป็นสารอัลคาไลน์และไม่เป็นกรด อาหารอัลคาไลน์ดีต่อสุขภาพกว่าอาหารที่เป็นกรด ซึ่งแตกต่างจากน้ำตาลทรายขาวไม่ได้ทำให้เด็ก ๆ สมาธิสั้นหรือไม่ก็นำไปสู่ภาวะน้ำตาลในเลือด

ช่วยให้นอนหลับ และเพิ่มพลังอย่างเป็นธรรมชาติ

มีหลายรายที่ใช้น้ำตาลโตนด ได้ช่วยพวกเขาได้นอนหลับสบายโดยการใช้น้ำตาลโตนดผง 1 ช้อนชา ผสมน้ำร้อนหรือนมอุ่นสิบนาทีก่อนที่จะเข้านอน

หากคุณมีความเครียด ทั้งสมาธิสั้น หรือง่วงนอน สามารถใช้น้ำตาลโตนด 1 ช้อนชาในชา กาแฟ และน้ำผลไม้ปั่น เป็นสิ่งแรกในตอนเช้าจะช่วยให้คุณมีวันที่สุขสงบและมีพลังอย่างน่าพิศวง 

ความเห็นคนที่ใช้และบริโภคนำตาลโตนด

Mr. Quaraishi ลอนดอน บอกว่า “ผมเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 สามารถใช้น้ำตาลโตนดตาลในอาหารของโดยไม่ได้เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดของฉันและได้รสชาติดีที่เท่าเทียม ผมชอบมากทีเดียว”

Mr. Micheal Kier จากรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา เขาเชื่อว่าการใช้งานปกติของน้ำตาลโตนดตาลได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการนอนของเขา เสริมสมาธิของเขาได้เป็นอย่างดี  “เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดที่เคยพบและศึกษา  เขาได้แนะนำให้เพื่อนๆ ทุกคนของเขาและครอบครัวไดทราบอีกด้วยว่าสำหรับทุกคนที่มีปัญหาการนอนหลับ / เด็กสมาธิสั้นตาลน้ำตาลโตนดจะต้องคุ้มค่าต่อการได้ลอง

Ms. Quinlan, Dublin “ฉันเป็นคนทำขนมปังตัวยง แต่หลังจากที่ได้เห็นข่าวล่าสุดเกี่ยวกับอันตรายของน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์จึงต้องการสิ่งทดแทนที่ดีสำหรับสุขภาพ ทั้งยังคงรสชาติของขนมเค้ก หลังจากพบตาลน้ำตาลโตนด การค้นคว้าเพิ่มเติมของฉันได้พบว่า มันมีรสชาติธรรมชาติอร่อย เป็นการเพิ่มประโยชน์ต่อสุขภาพและสิ่งที่ดีที่สุด คือจะใช้เพียง 50%น้อยกว่าน้ำตาลทรายเพื่อให้ได้ความหวานในระดับเดียวกัน

ดร.ซาร่าห์ บรูเออร์ MD, GP, นักโภชนาการบำบัด  “น้ำตาลโตนดเพิ่มความหวายังมีดัชนีน้ำตาลต่ำเพียง 35 ดังนั้น ไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับระดับน้ำตาลในเลือดของคุณและจะช่วยในการลดความอยากน้ำตาล และในขณะที่น้ำตาลทราย (ซูโครส) ให้ ‘แคลอรี่ที่ว่างเปล่า’ ที่มีธาตุอาหารเพิ่มไม่มีตาลน้ำตาลโตนดมีวิตามินจากพืชและแร่ธาตุรวมทั้งธาตุเหล็กแมกนีเซียมแคลเซียมและวิตามินบี 12

ข้อควรระวัง สำหรับคนไข้เบาหวานควรบริโภคน้ำตาลในปริมาณภายใต้การกำหนดของแพทย์

ผลิตภัณฑ์ตาลบุรียังให้ประโยชน์

– มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) สูงมากกว่า 7,000 Umole TE 

– ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง

– มีส่วนประกอบของเกลือธรรมชาติ ช่วยให้ร่างกายสดชื่น

– มีธาตุเหล็ก ช่วยในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง

– อุดมไปด้วยแคลเซี่ยมเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน

น้ำส้มสายชูหมัก

จากตาลโตนดที่หมักบ่มด้วยวิธีธรรมชาติ เป็นน้ำส้มที่มีคุณภาพดีต่อสุขภาพ ยังคงมีตะกอน(Mother Vinegar) ที่เกิดจากการหมักบ่ม ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย มีประโยชน์ดังนี้

– ช่วยลดคลอเลสเตอรอล

– ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

– ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม

– ช่วยกำจัดกรดแลคติกในเลือดช่วยให้ตับทำงานน้อยลง

– ปรับค่าความเป็นกรด-ด่างของร่างกายให้สมดุล

– ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

– บรรเทาอาการปวดข้อแลโรคเกาต์ และช่วยระบบปัสสาวะให้ทำงานเป็นปกติ

กาแฟน้ำตาลโตนด

เพิ่มความหวานด้วยน้ำตาลโตนด และผสมด้วยครีมที่ทำจากนมธรรมชาติ 100% อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน แคลเซียม และธาตุเหล็ก