พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งสยาม ราชบุรี

เปลี่ยนเป็น ณ สัทธา…..  พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งสยาม เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 เพื่อเป็นสถานที่พักใจของคนทั่วไป ที่นำเสนองานศิลปะ วัฒนธรรม และวิถีความเป็นอยู่ที่งดงามในสังคมแห่งชาวพุทธในประเทศไทย เป็นการถ่ายทอดและสืบสานสิ่งที่ดีงามแบบไทยให้คงอยู่คู่สังคมต่อไป

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งสยามตั้งอยู่ที่ตำบลวังเย็น อำเภอท่าแพ จังหวัดราชบุรี ถ้าเดินทางจากกรุงเทพ จากถนนพระราม 2 ไปถึงสี่แยกดอนหอยหลอดให้เลี้ยวขวา ผ่านตลาดน้ำดำเนินสะดวก อำเภอท่าแพ ถึงพิพิธภัณฑ์อยู่ทางด้านขวามือ หรือไปทางปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ผ่านนครปฐม ถึงสี่แยกบางแพ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร เห็นพิพิธภัณฑ์อยู่ด้านขวามือ เลยไปกลับรถมาเข้าพิพิธภัณฑ์ ในวันธรรมดาเปิดขายบัตรเวลา 09.00 น. เปิดให้ชมไปจนถึงเวลา 16.30 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดขายบัตรเวลา 08.30 น.  และเปิดให้ชมได้ถึง 17.00 น.

การจัดแสดงงานบางส่วนอยู่ในอาคาร บางส่วนอยู่ในถ้ำ และบางส่วนตั้งอยู่กลางแจ้ง ทั้งมีเรือนไทยสี่ภาค และกุฏิพระสงฆ์  มีการจัดสวนร่มครึ้มไปด้วยไม้ยืนต้น แซมสลับด้วยไม้พุ่มกลาง พุ่มเตี้ย และพืชคลุมดิน จึงทำให้ทั่วบริเวณสดชื่นเขียวขจีน่ามองยิ่งนัก

อาคารเชิดชูเกียรติ  เป็นจุดศูนย์รวมในการนำเสนองานรูปปั้นหุ่นเหมือน ของบุคคลสำคัญจัดแสดงไว้ในสิ่งแวดล้อมเสมือนจริงในสมัยที่ท่านเหล่านั้นดำรงชีวิตอยู่  ซึ่งมีทั้งบุคคลสำคัญชาวไทย อาทิ ม.ล.ปิ่น มาลากุล อดีตรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการและนักปราชญ์ด้านภาษาไทย  ดร.ป๋วย อึ้งภากร อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สืบ นาคะเสถียร นักวิชาการกรมป่าไม้ ผู้ที่อุทิศชีวิตตนเองเพื่อปลุกกระแสอนุรักษ์ธรรมชาติและป่าไม้  ส่วนบุคคลสำคัญต่างประเทศได้แก่ ประธานาธิบดี เหมาเจอตุง และเติ้งเสี่ยวผิง แห่งประเทศจีน ประธานาธิบดีโฮจิมินท์ แห่งประเทศเวียตนาม

ลานพระสามสมัย ประดิษฐานพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะทางศิลปะแตกต่างกันออกไปตามอิทธิพลพุทธศาสนาในแต่ละยุคสมัย  ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงและเรื่องราวของประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดี การสร้างพระพุทธรูปแต่ละองค์นั้นเกิดจากความนับถือศรัทธาของช่างปั้น หล่อด้วยทองเหลืองรมดำ

ถ้ำชาดก จัดแสดงหุ่นในชาดกเรื่องพระเวชสันดร โดยดำเนินเรื่องตั้งแต่ชูชกได้นางอมิตดาเมียสาว จนกระทั่งเดินทางไปขอพระโอรส-พระธิดา จนกระทั้งชูชกกินอาหารท้องแตกตาย ในที่พระเวสสันดรและพระนางมัททรีได้รับการอัญเชิญเสด็จกลับสู่พระนคร หุ่นที่แสดงมีลักษณะงดงามคล้ายมีชีวิต ทั้งยังได้มีการจัดแสงช่วยเสริมส่งให้มีความสมจริงมากขึ้น แต่ละฉากละตอนแยกอยู่ในแต่ละคูหาถ้ำ จนทำให้ได้อารมณ์ในการชมเชื่อมโยงต่อเนื่องเป็นอย่างดีทีเดียว

ตามทางเดินลดเลี้ยวไปใต้ร่มเงาไม้ ทอดไปสู่ เรือนไทยสี่ภาค ที่สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมสี่ภาค บนเรือนยังจัดแสดงหุ่นทำกิจกรรมต่างๆ ในวิถีชีวิตประจำวันของชาวบ้านในแต่ละภาค ทั้งยังมี กุฏิพระสงฆ์ อีกหลายหลัง ที่บนกุฏิก็มีหุ่นเหมือนพระภิกษุที่ชาวบ้านเคารพนับถือจากทั่วทุกภาคในประเทศไทย และที่ ลานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร มีรูปปั้นหล่อด้วยทองเหลืองรมดำขนาดใหญ่ ลักษณะสวยงาม ในท่านั่งตามคติอินเดีย

ตามทางเดินนอกจากมีการจัดแสดงหุ่น ประติมากรรมหล่อด้วยโลหะ และเรือนไทยต่างๆ แล้ว ยังมีร้านค้าที่จำลองแบบร้านค้าโบราณ ขายเครื่องดื่ม และของรับประทานเล่นได้ตามทางอีกสองสามแห่งด้วยกัน ทั้งยังจำลองน้ำตกขนาดใหญ่ ที่สายน้ำไหลแรงตลอดปี เพิ่มความชุ่มฉ่ำให้แก่บรรยากาศโดยรอบอีกด้วย พิพิธภัณฑ์ยังได้มีการบริการจำหน่ายอาหาร ซึ่งมีหลายลักษณะ เช่น อาหารแบบบุปเฟ่ต์  สั่งเป็นชุดโต๊ะละ 6 คน ที่มาเป็นหมู่คณะสำหรับกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ก็สมารถสั่งเป็นแพคเก็จ หรืออาหารบุปเฟ่ต์ก็ได้

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม แจ้งล่วงหน้า เพื่อทางพิพิธภัณฑ์จะจัดวิทยากรมานำเที่ยวไว้บริการ ได้ที่ โทร. 0-3238-1401 (4) โทรสาร 0-3238-1403